คำนำ
ความรู้เรื่องโรคไข้หวัดนก
แนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนก
คำแนะนำทั่วไปในการรักษาสุขภาพและพฤติกรรมอนามัย
ข้อแนะนำกรณีพบสัตว์ปีกตายผิดสังเกต
ข้อแนะนำขั้นตอนการล้างตลาด
จากสถานการณ์การระบาดของโรคในไก่ รวมถึง ไข้หวัดนก
(Avian Influenza) ในขณะนี้
กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเฝ้าระวังโรคในคนอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ
และได้ประสานงานกับกรมปศุสัตว์ซึ่งเข้าดำเนินการควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ที่เกิดการระบาดทุกแห่งแล้ว
รวมทั้งป้องกันไม่ให้มีการนำไก่ป่วยหรือตายออกจำหน่ายในท้องตลาดอย่างเด็ดขาด
ในสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนทั่วไปมีความเสี่ยงน้อยต่อการเกิดโรค
การรับประทานไก่และไข่ที่ปรุงสุกไม่ทำให้ติดโรค จึงไม่ควรตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากโรคไข้หวัดนก กระทรวงสาธารณสุข
ขอแนะนำความรู้เรื่องโรค และแนวทางปฏิบัติดังนี้
Back To Top of Page
ความรู้เรื่องโรคไข้หวัดนก
โรคไข้หวัดนก เป็นโรคติดต่อของสัตว์ปีก
ตามปกติโรคนี้ติดต่อมายังคนได้ไม่ง่ายนัก
แต่คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ที่เป็นโรคอาจติดเชื้อได้
มีรายงานการเกิดโรคในคนเป็นครั้งแรกในปี 2540
เมื่อเกิดโรคระบาดของสัตว์ปีกในฮ่องกง
โรคไข้หวัดนก
เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ที่พบในนก
ซึ่งเป็นแหล่งรังโรคในธรรมชาติ โรคอาจแพร่มายังสัตว์ปีกในฟาร์มได้
โดยการสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย เชื้อที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลาย
และ มูลของสัตว์ป่วยอาจติดมากับมือ และเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุของจมูกและตา
ทำให้เกิดโรคคล้ายไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดนก มีระยะฟักตัว 1 ถึง 3 วัน
ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
อ่อนเพลีย เจ็บคอ ไอ ผู้ป่วยเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ
หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว หากมีภูมิคุ้มกันไม่ดี อาจมีอาการรุนแรงได้
โดยจะมีอาการหอบ หายใจลำบากเนื่องจากปอดอักเสบรุนแรง
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดนก ได้แก่
ผู้ที่ทำงานในฟาร์สัตว์ปีก
ผู้ที่ฆ่าหรือชำแหละสัตว์ปีกในพื้นที่ที่เกิดโรคไข้หวัดนกระบาด
โรคไข้หวัดนก ต่างจากไข้หวัดใหญ่ กล่าวคือ
โรคไข้หวัดนกสามารถติดต่อจากคนสู่คน
แต่ในปัจจุบันยังไม่พบผู้ป่วยที่ติดโรคไข้หวัดนกจากคนสู่คน
Back To Top of Page
แนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนก
ผู้บริโภคไก่และผลิตภัณฑ์จากไก่
- เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
และโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร การบริโภคเนื้อสัตว์
รวมทั้งเนื้อไก่และไข่ไก่ โดยทั่วไป
จึงควรรับประทานเนื้อที่ปรุงให้สุกเท่านั้น เนื่องจากเชื้อโรคต่าง ๆ
ที่อาจปนเปื้อนมา ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย หรือพยาธิ
จะถูกทำลายไปด้วยความร้อน
- เนื้อไก่และไข่ไก่ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดในขณะนี้
ถือว่ามีความปลอดภัย สามารถบริโภคได้ตามปกติ
แต่ต้องรับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุกเท่านั้น
งดการรับประทานอาหารที่ปรุงกึ่งสุกกึ่งดิบ
- เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกอย่างดี
โดยเฉพาะในช่วงที่มีปัญหาโรคระบาดในไก่
ผู้ประกอบอาหาร
ผู้ประกอบอาหาร ทั้งเพื่อการจำหน่าย
และแม่บ้านที่เตรียมอาหารในครัวเรือน
เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อจากอาหาร
กระทรวงสาธารณสุขขอเน้นการป้องกัน ดังนี้
- ควรเลือกซื้อเนื้อไก่ และผลิตภัณฑ์จากไก่
จากแหล่งที่มีการรับรองมาตรฐาน หรือร้านค้าประจำ
และเลือกซื้อไก่สดที่ไม่มีลักษณะบ่งชี้ว่าอาจตายด้วยโรคติดเชื้อ เช่น
เนื้อมีสีคล้ำ มีจุดเลือดออก เป็นต้น สำหรับไข่
ควรเลือกฟองที่ดูสดใหม่ และไม่มีมูลไก่ติดเปื้อนที่เปลือกไข่
ก่อนปรุงควรนำมาล้างให้สะอาด
- ไม่ใช้มือที่เปื้อนมาจับต้องจมูก ตา และปาก
และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจับต้องเนื้อสัตว์
เครื่องในสัตว์ และเปลือกไข่ที่มีมูลสัตว์เปื้อน
- ควรแยกเขียงสำหรับหั่นเนื้อไก่
และมีเขียงสำหรับหั่นอาหารที่ปรุงสุกแล้ว หรือผัก ผลไม้
โดยเฉพาะไม่ใช้เขียงเดียวกัน
ผู้ชำแหละไก่
ผู้ชำแหละไก่อาจมีความเสี่ยงจากการติดโรคจากสัตว์
จึงควรระมัดระวังขณะปฏิบัติงาน ดังนี้
- ต้องไม่ซ้อไก่ที่มีอาการผิดปกติจากการติดเชื้อ เช่น
ซึมหงอย ขนฟู หน้าหงอน หรือเหนียงบวมคล้ำ มีน้ำมูก
หรือขี้ไหล เป็นต้น หรือไก่ที่ตายมาชำแหละขาย
- ไม่ขังสัตว์ปีกจำพวก ไก่ เป็ด ห่าน ฯลฯ
ที่รอชำแหละไว้ในกรงใกล้ ๆ กัน
เพราะจะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เชื้อโรคกลายพันธุ์ จนอาจเกิดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ
ที่เป็นอันตรายทั้งต่อคน และสัตว์ได้
- ควรทำความสะอาดกรง และอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ
ด้วยน้ำผลซักฟอก และนำไปผึ่งกลางแดดจัด ๆ
นอกจากนั้นอาจราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เดือนละ 1-2 ครั้ง
- หากสัตว์ที่ชำแหละมีลักษณะผิดปกติ เช่น
มีจุดเลือดออก มีน้ำหรือเลือดคั่ง หรือจุดเนื้อตายสีขาวที่เครื่องใน
หรือ เนื้อมีสีผิดปกติ ต้องไม่นำไปจำหน่าย
และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์มาตรวจสอบทันที เพราะอาจเป็นโรคระบาด
- ต้องล้างบริเวณชำแหละสัตว์ให้สะอาดด้วยน้ำผลซักฟอก
หลังเสร็จสิ้นการชำแหละไก่ และควรราดน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เดือนละ 1-2 ครั้ง
- ผู้ชำแหละไก่ ควรดูแล ระมัดระวังตนเองอย่างถูกต้อง
โดยใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น พลาสติก หรือผ้ากันเปื้อน
ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา รองเท้าบู๊ต
และต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
- รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด
และต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังปฏิบัติงานเสร็จ ส่วนเสื้อผ้าชุดเดิม
พลาสติก หรือ ผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดจมูก ถุงมือ แว่นตา
ควรนำไปซัก หรือล้างให้สะอาด และผึ่งกลางแดดให้แห้งสนิท
ก่อนนำมาใช้อีกครั้ง
ผู้ขนย้ายสัตว์ปีก
ผู้ขนย้ายสัตว์ปีกควรระมัดระวังตนเองไม่ให้ติดโรคจากสัตว์
และป้องกันการนำเชื้อจากฟาร์มหนึ่งไปแพร่ยังฟาร์มอื่น ๆ
จึงควรเน้นการปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
- งดซื้อสัตว์จากฟาร์มที่มีสัตว์ตายมากผิดปกติ
- เมื่อขนส่งสัตว์เสร็จในแต่ละวัน
ต้องรีบล้างทำความสะอาดรถให้สะอาดด้วยน้ำผงซักฟอก
สำหรับกรงขังสัตว์ควรราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
- ควรดูและระมัดระวังตนเองอย่างถูกต้อง
โดยใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ
รองเท้าบู๊ต และต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
- รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด
และต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังปฏิบัติงานเสร็จ
ส่วนเสื้อผ้าชุดเดิมและเครื่องป้องกันร่างกาย ควรนำไปซักหรือล้างให้สะอาด
และผึ่งกลางแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้อีกครั้ง
เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่
เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ รวมทั้งผู้เลี้ยงสัตว์
และผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ในฟาร์มที่มีการระบาดเป็นกลุ่มประชาชนที่เสี่ยงต่อการติดโรคจากสัตว์
ดังนั้น จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมปศุสัตว์โดยเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
- เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ต้องป้องกันไม่ให้สัตว์อื่น ๆ
รวมทั้งนกทุกชนิด และสัตว์พาหะนำโรค เช่น หนู เป็นต้น
เข้ามาในโรงเรือน เพราะอาจนำเชื้อโรคเข้ามาแพร่ให้ไก่ได้ นอกจากนั้น
จะต้องรักษาความสะอาดในโรงเรือนให้ดีอยู่เสมอ
และหากมีไก่ป่วยหรือตายไม่ว่าด้วยสาเหตุใด
ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที
ต้องไม่นำไก่ป่วยหรือตายออกมาจำหน่าย
และทำการกำจัดทิ้งตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด เช่น
อาจฝังให้ลึก แล้วราดน้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือปูนขาว
หรือนำไปเผาเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อมาสู่สัตว์ หรือคน
- ผู้ที่เลี้ยงสัตว์
หรือผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ในฟาร์มที่มีการระบาด ไม่ว่าจากสาเหตุใด
ควรดูและระมัดระวังตนเองอย่างถูกต้อง โดยใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย
เช่น พลาสติก หรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ
แว่นตา รองเท้าบู๊ต และต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
โดยเฉพาะต้องจับต้องสัตว์ป่วย หรือซากสัตว์ที่ตาย
- รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด
และต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังปฏิบัติงานเสร็จ เสื้อผ้าชุดเดิม
พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา
ควรนำไปซักหรือล้างให้สะอาด และผึ่งกลางแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้อีกครั้ง
การป้องกันโรคให้แก่เด็ก
- เนื่องจากเด็กมักมีนิสัยชอบเล่นคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยง
รวมทั้งไก่ และนก และหากติดเชื้อไข้หวัดนก มักป่วยรุนแรง
ดังนั้นในช่วงที่มีโรคระบาดในสัตว์ปีก มีสัตว์ตายมากผิดปกติ
พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ควรระมัดระวังดูและเด็กให้ใกล้ชิด
และเตือนไม่ให้เด็กจับอุ้มไก่หรือนก หรือจับต้องซากสัตว์ปีกที่ตาย
และต้องฝึกสุขนิสัยที่ดีให้เด็ก โดยเฉพาะการล้างมือทุกครั้งหลังจับต้องสัตว์
- หากเด็กมีอาการป่วย สงสัยเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
ต้องรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
โดยทั่วไปเมื่อได้รับการรักษาและดูและอย่างถูกต้อง เด็กจะค่อย ๆ
มีอาการดีขึ้นภายใน 2 - 7 วัน แต่ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
หากมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีอาการหอบ
ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันที
Back To Top of Page
คำแนะนำทั่วไปในการรักษาสุขภาพและพฤติกรรมอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อ
- ควรรักษาร่างกายให้แข็งแรง
เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคได้ดี โดยการรับประทานอาหารให้ครบถ้วน
รวมทั้งผัก และผลไม้ งดบุหรี่และสุรา นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และในช่วงอากาศเย็น
ควรสวมเสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น
- หากมีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ
หนาวสั่น เจ็บคอ ไอ เป็นต้น ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
และแจ้งแพทย์ด้วยว่าทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หรือมีประวัติสัมผัสซากสัตว์
Back To Top of Page
ข้อแนะนำกรณีพบสัตว์ปีกตายผิดสังเกต
สัตว์ที่ตายผิดสังเกต อาจมีสาเหตุมาจากโรคระบาดหลายโรค
รวมทั้งโรคไข้หวัดนกด้วย หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น
ผู้ที่พบเห็นควรปฏิบัติโดยเร็ว ดังนี้
- โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบหาสาเหตุ
- ในเขตกรุงเทพมหานคร แจ้งที่สำนักงานเขต
หรือกรมปศุสัตว์ โทร 0-2653-4401
- ต่างจังหวัด แจ้งเจ้าหน้าที่เทศบาล
หรือเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์
- เก็บซากสัตว์ใส่ลงในถุงพลาสติก รัดปากถุงให้แน่น
ต้องไม่จับซากสัตว์ด้วยมือเปล่า ควรสวมถุงมือยาง
ถ้าไม่มีอาจใช้ถุงพลาสติกหนา ๆ สวมมือ
เจ้าหน้าที่อาจนำซากบางส่วนไปตรวจชันสูตรหาสาเหตุการตาย
ส่วนซากที่เหลือต้องรีบนำไปเผาหรือฝัง หากใช้วิธีฝัง
ควรราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือโรยปูนขาว ถ้าหาไม่ได้
อาจใช้น้ำเดือนราดที่ซากก่อนกลบดินทับ
Back To Top of Page
ข้อแนะนำขั้นตอนการล้างตลาดอย่างถูกหลักสุขาภิบาลในช่วงการเกิดโรคระบาด
- ในบริเวณที่มีการระบาดของโรคติดต่อ
ควรล้างตลาดอย่างถูกหลักสุขาภิบาลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- กวาดหยากไย่ หรือเศษสิ่งสกปรกที่ติดบนฝาผนัง โคมไฟ
พัดลม
- เจ้าของแผงทำความสะอาดแผง และร่องระบายน้ำเสีย
กวาดเศษขยะไปรวมทิ้งไว้ในบริเวณพักขยะ หรือในที่ที่จัดไว้
รวมทั้งกำจัดแมลง และสัตว์นำโรคที่อาศัยอยู่ในบริเวณตลาดด้วย
- บนแผงหรือพื้นที่ที่คราบไขมันจับ
ใช้น้ำผสมโซดาไฟราดลงบนพื้นหรือแผง ทิ้งไว้นาน 15-30 นาที
และใช้แปรงลวดถูช่วยในการขจัดคราบไขมัน ส่วนบริเวณอื่น
ใช้ผงซักฟอกช่วยในการล้างทำความสะอาด ในบริเวณที่ไขมันจับตัวหนา
ใช้โซดาไฟชนิด 96% ในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะ
ต่อน้ำครึ่งปี๊บ ในบริเวณที่ไขมันน้อย ใช้โซดาไฟชนิด 96%
ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำครึ่งปี๊บ
- ใช้น้ำสะอาดฉีดล้างบนแผง ทางเดิน ฝาผนัง
และกวาดล้างลงสู่ร่องระบายน้ำเสีย เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก โซดาไฟ
หรือผงซักฟอกให้หมด
- ใช้น้ำผสมผงปูนคลอรีน (ใช้ผงปูนคลอรีน 60%
ในอัตราส่วน 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ปี๊บ) ใส่ลงในบัวรดน้ำ และรดบริเวณแผง
ทางเดิน ร่องระบายน้ำเสีย ให้ทั่ว
ปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้คลอรีนฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่น
ส่วนบริเวณที่มีกลิ่นคาว ให้ใช้หัวน้ำส้มสายชูผสมน้ำให้เจือจาง
แล้วราดบริเวณที่มีกลิ่นคาว โดยเฉพาะแผงขายสัตว์ปีก
ควรฆ่าเชื้อด้วยคลอรีน ทุกวัน
- บริเวณห้องน้ำ ห้องส้วม อ่างล้างมือ
ที่ปัสสาวะ และก๊อกน้ำสาธารณะที่ใช้ในตลาด ต้องล้างทำความสะอาด
โดยใช้ผงซักฟอกช่วย และล้างด้วยน้ำสะอาด
- บริเวณที่พักขยะ ต้องเก็บรวบรวมขยะไปกำจัดให้หมด
แล้วล้างทำความสะอาด และทำการฆ่าเชื้อ โดยใช้น้ำผสมผงปูนคลอรีน
ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว
Back To Top of Page
กระทรวงสาธารณสุข
จากหนังสือ
คำแนะนำสำหรับประชาชน
เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนก
|