Case
ผู้ป่วยหญิงไทยหม้าย อายุ 53 ปี
เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ
อาชีพ ขายโอเลี้ยง (รถเข็น อยู่บริเวณ
ซ.ประดิพัทธิ์ 1) ภูมิลำเนา กทม.
ระดับการศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ประวัติได้จากผู้ป่วย และเวชระเบียน
เชื่อถือได้มาก
Chief Complaint
ตาข้างซ้ายมองไม่ค่อยเห็น
เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ 3 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล
Present Illness
4 ปีก่อนมาโรงพยาบาล
ผู้ป่วยมีอาการตามัวลงมากขึ้นเรื่อย ๆ มองไม่ชัด
ปวดตามากเวลาโดนแสงแดดและเวลาเพ่งนาน ๆ อาการไม่ดีขึ้นหลังจากล้างตาหรือขยี้ตา
อาการดีขึ้นหลังจากใส่แว่นกันแดด จึงต้องใส่แว่นกันแดดเกือบตลอดเวลา
ได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นต้อกระจกทั้งสองข้าง
แต่ว่าข้างขวาเป็นมากกว่า ส่วนข้างซ้ายเป็นเล็กน้อย ค่อยผ่าที่หลังได้
แต่เนื่องจากผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย (แพทย์บอกว่าใช้เงิน 16,000
บาท) ผู้ป่วยจึงไม่ได้ผ่า
ต่อมาผู้ป่วยทราบข่าวโครงการของในหลวงที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
จึงได้รับการสลายต้อกระจกที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หลังจากผ่าตัด
ผู้ป่วยสามารถมองเห็นได้เป็นปกติเรื่อยมา ไม่ได้ไปพบแพทย์อีกเลย
3 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล
ผู้ป่วยรู้สึกว่ามองไม่ค่อยเห็น อาการเป็นตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน
ไม่มีอาการสู้แสงไม่ได้ ไม่เห็นจุดหรือเส้นดำ ๆ ลอยไปมา ไม่มีแสงวาบ
ไม่มีอาการปวดตา ไม่คันตา ไม่มีอาการตาแดง ไม่มีภาพซ้อน
ไม่เห็นแสงเป็นสีรุ้งรอบไฟ ไม่มีอาการเห็นภาพเบี้ยว พยายามล้างตาและขยี้ตา
แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น อาการเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ
ได้ลองปิดตาทีละข้างดู จึงพบว่าเมื่อปิดตาข้างขวาแล้วจะมองไม่เห็นเลย
มีปัญหาในการทำงานมาก มองของไม่ค่อยเห็น ร่วมกับกลัวว่าจะเป็นมากจนตาบอด
จึงมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (สิทธิ 30 บาท)
Past History
6 ปีก่อนมาโรงพยาบาล
ผู้ป่วยได้ไปตรวจภายในที่สถาบันมะเร็ง ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร
พบว่ามีเนื้องอกที่มดลูก ไม่ทราบประเภท
ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดมดลูกและไส้ติ่ง ผลชิ้นเนื้อพบว่าเป็นเนื้องอกธรรมดา
ไม่เป็นมะเร็ง
5 ปีก่อนมาโรงพยาบาล
ผู้ป่วยมีอาการกินอาหารไม่ลง ไม่ถ่ายอุจจาระ อาเจียนหลังรับประทานอาหาร
ท้องอืดแน่น เหงื่อออกมาก อาการเป็นหนักมากจนกินอาหารไม่ได้เลย
จึงได้ไปพบแพทย์ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นลำไส้อุดตัน
ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัด หลังจากนั้นหยุดงานเป็นเวลา 7 เดือน
ผู้ป่วยมีอาการพูดไม่ชัด
มารดาของผู้ป่วยเคยบอกว่าเกิดจากผู้ป่วยได้ชักเมื่อยังเป็นเด็ก
ทำให้ผู้ป่วยพูดได้ช้า (เริ่มพูดได้ 5 ขวบ) สมองช้า พูดไม่ชัด
ปฏิเสธการผ่าตัดอื่น ๆ ในอดีต
ไม่มีประวัติอุบัติเหตุต่อตา
ปฎิเสธประวัติโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน
ความดันโลหิตสูง
ปฏิเสธการใช้ยาใด ๆ เป็นประจำ
ไม่แพ้ยา ไม่แพ้อาหาร
สุขภาพโดยทั่วไปแข็งแรงดี
ไม่ได้ออกกำลังกาย ขับถ่ายได้ตามปกติ น้ำหนักตัวปกติดี ไม่มีน้ำหนักลด
Family History
บุคคลในครอบครัว
อาศัยอยู่ในบ้านทั้งหมด 2 คน ได้แก่
ผู้ป่วย และ บุตรชาย
ผู้ป่วย อายุ 53 ปี
อาชีพขายโอเลี้ยงที่ซอยประดิพัทธิ์ 1
บุตรชาย ยังไม่ได้แต่งงาน อายุ 24 ปี
ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นพนักงานรับจ้างชั่วคราว รอบรรจุ
ไม่ทราบระดับการศึกษา
ความสัมพันธ์ในครอบครัวในปัจจุบัน
ผู้ป่วยและสามีได้แยกทางกันตั้งแต่บุตรชายยังเป็นเด็กเล็ก เนื่องจากสามีนอกใจ
ผู้ป่วยจึงอาศัยอยู่กับบุตรชายมาตลอด
ความสัมพันธ์ในครอบครัว
รักใคร่กลมเกลียวกันดี
ไม่มีปัญหาเรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง
บุตรชายช่วยดูแลผู้ป่วยตลอดที่ผู้ป่วยไม่สบาย
สภาพแวดล้อม
อาศัยอยู่ในบ้านไม้
หลังทาวเฮ้าส์แห่งหนึ่งในซอยประดิพัทธิ์ 1
ฐานะการเงิน
ฐานะทางการเงินของผู้ป่วย
มีรายได้ประมาณวันละ 100 บาท จากการขายโอเลี้ยง
ไม่ทราบฐานะรายได้ของบุตรชาย
ว่าได้เท่าไร
กรรมพันธุ์
มารดาของผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
ไม่ทราบว่าเป็นตั้งแต่เมื่อใด ได้มีอาการช็อค 2 ครั้ง
เสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านหลังจากออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน เมื่ออายุได้ประมาณ 69
ปี
บิดาของผู้ป่วย สูบบุหรี่จัด
เสียชีวิตแล้ว จากการตรวจศพพบว่าปอดดำ
ปฏิเสธโรคต้อกระจก ต้อหิน
หรือโรคทางตาอื่น ๆ ในครอบครัว
ปฏิเสธ
ประวัติของการใช้สารเสพติดในครอบครัว
Personal History
ผู้ป่วยคลอดปกติ แข็งแรง
เป็นบุตรสาวคนเดียวของครอบครัว
ได้รับการดูแลโดยบิดามารดาอย่างใกล้ชิด
พัฒนาการและการเจริญเติบโต
เคยชักขณะยังเป็นเด็ก (ผู้ป่วยจำไม่ได้) ผู้ป่วยสามารถพูดได้ช้ากว่าปกติ
เริ่มพูดได้เมื่ออายุ 5 ขวบ และพูดไม่ชัด
สามารถเรียนได้ปกติ จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ปัจจุบันไม่สามารถอ่านหนังสือได้ สามารถคำนวณเลขง่าย ๆ ได้
ไม่เคยใส่แว่น
นอกจากแว่นกันแดดเมื่อมีอาการปวดตา (4 ปีก่อนมาโรงพยาบาล)
คิดว่าตนเองสายตาปกติ ดูทีวีสามารถเห็นได้ชัดเป็นปกติ
ก่อนที่จะมีอาการเจ็บป่วย
ทำงานขายโอเลี้ยงอยู่ที่ตลาดซอยประดิพัทธิ์ 1 รายได้ไม่มาก
บริเวณที่ขายนั้น มีปัญหาเรื่องมลภาวะเกี่ยวกับฝุ่น
และแสงแดดค่อนข้างแรงในเวลากลางวัน
เลิกกับสามีตั้งแต่บุตรชายยังเล็ก
เนื่องจากสามีนอกใจ และเข้ากันไม่ได้ หลังจากนั้นไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
ปฏิเสธการใช้สารเสพติดใด ๆ
ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ ไม่สูบบุหรี่
ไม่เคยได้รับอุบัติเหตุร้ายแรงใด ๆ
ที่ตา
อาการตามองไม่เห็นนี้
เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของผู้ป่วยมาก เนื่องจากผู้ป่วยกล่าวว่าจะหยิบของแล้ว
มองของไม่เห็น
·
ประวัติทางสูติ-นรีเวช
G1P1001 last 24 years
ก่อนที่ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดมดลูก
ผู้ป่วยมีประจำเดือนมาเป็นปกติ ไม่ปวดประจำเดือนมากผิดปกติ
ปัจจุบันไม่มีประจำเดือน
เนื่องจากได้รับการผ่าตัดมดลูกแล้ว ไม่ได้รับประทานฮอร์โมนทดแทน
ไม่มีปัญหาเรื่องอาการของการฮอร์โมน เช่น อาการร้อนวูบวาบ อาการปวดกระดูก
เป็นต้น