|
ข้อสะโพก เป็นข้อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ประกอบด้วย กระดูกต้นขา และเบ้า
อาการปวดสะโพกอาการปวดสะโพก หมายถึง อาการที่เกิดขึ้นที่ด้านหลังของขา มีจุดเริ่มต้นที่สะโพกหรือบั้นท้าย ลงสู่ต้นขาด้านหลัง และสู่ด้านข้างของขาทั้งสองข้าง
สาเหตุของการปวดข้อสะโพก1. ผู้สูงอายุจะมีการเสื่อมของข้อสะโพก 2. ผู้ที่มีภาวะของหัวกระดูกต้นขาตายจากการขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง 3. ผู้ที่มีการหักของข้อสะโพก 4. ผู้ที่มีเนื้องอกบริเวณข้อสะโพก 5. ผู้ที่มีความพิการของข้อสะโพก หรือมีข้อสะโพกเคลื่อนหลุดมาแต่กำเนิด ทำให้มีการเสื่อมตามมา 6. ผู้ที่มีข้อติดแข็ง
อาการ- ปวดบริเวณข้อสะโพก - เคลื่อนไหวได้น้อยลง - การทรงตัวไม่ดีขณะเดิน - ไม่สามารถเหยียดหรือกางข้อสะโพกได้เป็นปกติ
การรักษา- การรักษาตามอาการ เช่น ยาบรรเทาอาการปวดขา การอักเสบ - การออกกำลังกายบริเวณข้อสะโพก - การผ่าตัดยึดด้วยเหล็ก หรือเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม
การบริหารข้อสะโพกท่าที่ 1 หมุนเอวยืนกางขาออก มือเท้าสะเอว แล้วค่อย ๆ หมุนเอวในลักษณะเป็นวงกลมไปด้านหน้าหลาย ๆ ครั้ง และสลับกับด้านหลัง ท่าที่ 2 นอนตะแคงยกขานอนตะแคงซ้าย ยกขาด้านบนขึ้นทำมุม 45 องศา ค้างไว้นาน 5 วินาที ทำติดต่อกัน 5 ครั้ง แล้วเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงขวา ทำลักษณะเดียวกัน ท่าที่ 3 ยกก้นนอนหงาย ตั้งเข่าขึ้น เกร็งกล้ามเนื้อ แล้วยกก้นค้างไว้ 5 วินาที แล้ววางก้นลง ทำประมาณ 10-15 ครั้ง
ข้อห้ามในการผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกเทียมจะไม่ทำในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ปอด ไต หรือร่างกายอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ จะไม่ทำในผู้ที่อายุน้อย อยู่ในวัยหนุ่มสาว เพราะร่างกายยังต้องการเคลื่อนไหวมาก ควรรอการผ่าตัดออกไปให้นานที่สุด คนอ้วน น้ำหนักตัวมาก ๆ ควรลดน้ำหนักก่อนทำการผ่าตัดใส่ข้อสะโพกเทียม เพราะจะช่วยลดแรงที่มากระทำต่อข้อสะโพก ไม่ให้มากเกินไป
ความรู้สู่ประชาชน กองออร์โธปิดิกส์ รพ.พระมงกุฎเกล้า
|
ปรับปรุงครั้งล่าสุด 15/06/2010 ได้รับการสนับสนุน Web Hosting จาก SPAComputer.com, ThaWang.com |