Pertinent Findings : Positive Findings
History
-
Chronic, slowly developing left knee pain
-
Pain follows use of knee joint, stiffness < 15
minutes duration
-
The pain is not responsive to pharmacologic therapy
-
Underlying disease : hypertension (on enalapril as a
hypertensive drug)
-
Mild deformity of left leg
Physical Exam
Problem List
Discussion : Chronic left knee pain with mild varus deformity
ผู้ป่วยรายนี้
มาด้วยอาการปวดข้อเรื้อรัง
เมื่อพูดถึงอาการปวดข้อนั้น
จำเป็นจะต้องแยกให้ได้ระหว่างอาการปวดข้อที่เกิดจาก
arthralgia หรือ arthritis
ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว ผู้ป่วยรายนี้เป็นลักษณะของ
arthralgia เนื่องจากจากการตรวจร่างกายไม่พบลักษณะของการแดง
ร้อนที่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม
พบว่าน่าจะมีอาการ arthritis ร่วมด้วย
เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการของ morning stiffness
ร่วมด้วย
ดังนั้น
ผู้ป่วยรายนี้จึงเป็นกลุ่มโรคของ Chronic monoarticular pain
จากการตรวจร่างกาย
พบว่าผู้ป่วยมี bulge sign และ
balloon sign positive ซึ่งบ่งถึงภาวะการมี effusion
ที่ข้อเข่าข้างซ้าย และพบว่ามี
deformity แบบ varus ร่วมด้วย
ดังนั้น
ในผู้ป่วยรายนี้ เราจะสามารถวินิจฉัยแยกโรคได้
ดังนี้
1. Osteoarthritis of Left Knee
โรคนี้ เป็น the most common form
of joint disease involving progressive loss of articular cartilage and reactive
changes at joint margins and in subchondral bone. มี
definition ได้แก่ non-inflammatory disorder of synovial
joint characteristic by progressive loss of articular cartilage of and reactive
changes in the margin of the joint and subchondral bone.
คิดถึงมากที่สุดในผู้ป่วยรายนี้
เนื่องจาก โรคนี้มักพบในผู้ป่วยสูงอายุ (>40 years old for
symptomatic disease) พบมากที่สุดที่ข้อเข่า
ร่วมกับอาการที่เข้ากันได้กับภาวะนี้ คือ
อาการที่มีการเดินลงน้ำหนักเข่าข้างซ้ายไม่ได้ (slowly
developing joint pain, pain follows use of a joint)
เข่าซ้ายผิดรูป เป็นลักษณะของ varus deformity
มีเข่าติดเวลาตื่นนอนตอนเช้า ต้องขยับขาประมาณ 10 นาที
อาการจึงดีขึ้น (stiffness, especially morning and after sitting, of less
than 15 minutes duration.) มี joint enlargement
ซึ่งน่าจะเป็นลักษณะของการอักเสบแทรกซ้อนจากภาวะ
osteoarthritis ได้, มี decreased
range of motion
ลักษณะที่ไม่พบในผู้ป่วยรายนี้
ได้แก่ Heberdens nodes, crepitaion (พบใน
late state) และ local pain and stiffness with
osteoarthritis of spine, with radicular pain
Risk factor ที่พบในผู้ป่วยรายนี้
ได้แก่ age over 50 เท่านั้น
ส่วนอื่น ๆ ไม่พบ เช่น obesity,
prolonged occupational or sports stress or injury to a joint, genetic
เป็นต้น
โดย osteoarthritis
ในผู้ป่วยรายนี้ คิดว่าน่าจะเป็นชนิด
Localized primary OA เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
และเกิดที่ weight bearing joint
พบเป็นข้อเดียว
ไม่มีภาวะอื่นที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่ชัดเจน
2. Septic Arthritis
เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยปวดมาเป็นระยะเวลานาน คือประมาณ
2 ปี ซึ่งควบคุมได้ดีด้วยยามาตลอด
จึงเป็นไปได้หรือไม่ว่า ที่ 1
เดือนก่อนมาโรงพยาบาลมีอาการมากขึ้นนั้น
จะเป็นมาจาก septic arthritis เกิดแทรกซ้อนได้หรือไม่
แต่จากอาการและอาการแสดง
พบว่า
ที่ข้อเข่าไม่มีอาการแสดงของภาวะการอักเสบติดเชื้อที่ชัดเจน
ผู้ป่วยไม่มีไข้
ร่วมกับไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ อาทิเช่น
การเจาะข้อเข่า
การอักเสบที่ผิวหนังบริเวณใกล้เคียง บาดแผลที่ทะลุข้อเข่า
เป็นต้น
ดังนั้นจึงคิดถึงภาวะนี้น้อยมากในผู้ป่วยรายนี้
3. Gouty Arthritis
เป็น metabolic disease
ซึ่งเป็นผลจาก long standing hyperuricemia
Natural history ของโรคนี้
มักพบในผู้ป่วยชายสูงอายุ หรือผู้ป่วยหญิงในวัยหมดประจำเดือนแล้ว
การอักเสบระยะแรก มักเป็นข้อเดียว และชอบเป็น lower
extremity โดยเฉพาะที่ข้อ first metatarsophalangeal joint
จะพบได้มากที่สุด ข้ออื่น ๆ อาทิเช่น
ข้อเท้า ข้อเข่า เป็นต้น อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ
ต่อมาจะเริ่มเป็นหลายข้อ และอาจจะมีก้อน
tophi เกิดขึ้นตามมาได้
อย่างไรก็ตาม คิดถึงน้อยในผู้ป่วยรายนี้
ลักษณะการปวดของผู้ป่วยค่อนข้าง Chronic
ซึ่งถ้าเป็นภาวะโรคเก๊าท์ในระยะ chronic ควรจะเป็นหลาย ๆ
ข้อ ร่วมกับไม่พบลักษณะอื่น ๆ ของ gout
เช่น ไม่พบ tophi
เป็นต้น
4. Rheumatoid Arthritis
เป็นโรคทีเกิดจากภาวะการอักเสบของข้อ
พบมากในเพศหญิง
ซึ่งสาเหตุคิดว่าเกิดจากภาวะ autoimmune ชนิดหนึ่ง
ลักษณะโรคจะค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป
มีอาการบวมของข้อได้ มีอาการ morning stiffness (อาการข้อติดหลังจากที่ไม่ได้ขยับเป็นระยะเวลานาน
ๆ) ได้เช่นเดียวกัน
แต่มักจะมีอาการเป็นระยะเวลานาน มักจะมากกว่า 1
ชั่วโมง
คิดถึงน้อยในผู้ป่วยรายนี้
เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยลักษณะการปวดเป็นแบบ monoarticular (ปวดข้อเดียว)
อาการ morning stiffness
ของผู้ป่วยเป็นเพียงระยะเวลาไม่นานมากนัก
5. Trauma
สามารถทำให้เกิดอาการปวดข้อ
และตามมาด้วยการเกิด deformity ได้เช่นเดียวกัน
แต่เนื่องจากไม่มีประวัติ trauma
ทีชัดเจนในผู้ป่วยรายนี้ จึงคิดถึงน้อยมาก
Discussion : Hypertension
ผู้ป่วยรายนี้น่าจะเป็นแบบ Primary
(Essential) Hypertension เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุทาง
organic ที่ชัดเจน
ร่วมกับเริ่มเป็นเมื่ออายุมากแล้ว
สามารถควบคุมได้ดีโดยยาลดความดันโลหิต ไม่พบภาวะ end organ damage
ในผู้ป่วยรายนี้
ผู้ป่วยมี Function Class I,
Moderate risk for operation
คิดว่าน่าจะสามารถรับการผ่าตัดได้ปกติ
โดยควรควบคุมระดับความดันให้น้อยกว่า 160/100 mmHg
เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้
โดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์
|