|
[ ... บทความนี้ ดัดแปลงมาจากบทความของคุณ ชิน ปิ่นเกล้า (คุณชินกรณ์ : webmaster http://www.christianthai.net). หนังสือสตรีสาร ปีที่ 34 ฉบับที่ 25 หน้า 6,7,123. (20 กันยายน 2524) โดยปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์รถเมล์ในปัจจุบันมากที่สุด ... ] ในปัจจุบัน ปัจจัยสี่ อันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค นั้น คงจะไม่เพียงพอกับความต้องการของคนเราเสียแล้วครับ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน เช่น หนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ รถโดยสารประจำทาง หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า "รถเมล์" รถไฟฟ้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ในที่นี่จะขออนุญาตพูดถึงเฉพาะเรื่อง "รถเมล์" เท่านั้นครับ เนื่องจากเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันอย่างชนิดที่ขาดไม่ได้ เราจึงควรศึกษาเกี่ยวกับรถเมล์บ้างพอสมควร นี่คือที่มาของ "คู่มือการขึ้นรถเมล์" "คู่มือการขึ้นรถเมล์" ที่เขียนขึ้นมานี้ ไม่ได้เขียนขึ้นมาในเชิงวิชาการ แต่จะเขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้รับมาอย่างโชกโชนในการขึ้นรถเมล์ ซึ่งขึ้นมาตั้งแต่เด็ก จนปัจจุบันก็ยังคงใช้บริการอยู่ และคงจะใช้บริการต่อไปจนกว่าจะจากกันไปข้างหนึ่ง "รถเมล์" พอพูดถึงคำนี้ ทุกคนก็นึกถึงคุณภาพของผู้คนที่พยายามยัดเยียดเบียดเสียดขึ้นไปให้ได้ ถ้าขึ้นไม่ได้ก็ขอให้มีที่สักนิดเดียวก็พอ สำหรับวาง (หัวแม่) เท้า เพื่อไว้โหน ทำให้ผมนึกถึงกายกรรมระดับมืออาชีพ เช่น กายกรรมกวางเจาที่ว่าแน่ ที่สามารถขึ้นไปยืนอยู่บนจักรยานคนเดียวได้เกือบสิบคน แต่ถ้ามาเจอกายกรรม (แบบจำใจ) สมัครเล่นของไทยเรา แค่บันไดทางขึ้นรถเมล์ก็สามารถห้อยโหนกันได้สิบกว่าคนแล้ว กายกรรมกวางเจาก็คงจะไม่กล้านำชุดกายกรรมนั้นออกมาโชว์เป็นแน่ เมื่อพูดถึงด้านบริการของ "ขสมก." ถ้าถามความเห็นจากผู้โดยสาร ร้อยทั้งร้อยก็คงจะส่ายหน้าครับ บางคนก็ถึงกับก่นด่า ชนิดที่ถ้าผมนำเอาภาษาดอกไม้เหล่านั้นมาลง คงต้องถูกฟ้องฐานหมิ่นประมาทเป็นแน่ครับ "คู่มือการขึ้นรถเมล์" นี้ ผมจะขอแบ่งออกเป็นหัวข้อใหญ่ ๆ 6 หัวข้อครับ ได้แก่
1. ป้ายรถเมล์ผมคงจะไม่จำเป็นต้องสาธยายว่า เจ้าป้ายรถเมล์นี้มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้วใช่ใหม่ครับ ป้ายรถเมล์นั้น แบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ ป้ายเป็น กับ ป้ายตาย
สมัยก่อน ป้ายรถเมล์เป็นเพียงเครื่องหมายแสดงถึงจุดที่ที่รถเมล์จะจอดรับส่งผู้โดยสารเท่านั้นครับ เดี๋ยวนี้ ป้ายรถเมล์ได้มีการพัฒนาขึ้น เพื่อให้คุณประโยชน์แก่ผู้โดยสารเต็มที่ โดยได้มีการเขียนป้ายบอกไว้ว่ามีสายใดผ่านป้ายนี้บ้าง และบางป้ายรถเมล์ได้มีการสร้างที่นั่งรอรถเมล์ ซึ่งดูสวยงาม (แต่นั่งแล้วเมื่อยก้นเหลือเกิน) มีป้ายโฆษณาแสนสวยอยู่ ไว้สำหรับดูเล่นยามรอรถเมล์ แต่อย่างไรก็ตาม อยากขอเตือนนะครับว่า อย่าไปเชื่อป้ายที่บอกว่ามีสายรถเมล์สายใดผ่านบ้างเป็นอันขาด ควรจะดูไว้เพื่อพิจารณาเฉย ๆ เนื่องจากป้ายรถเมล์บางป้าย บอกสายรถเมล์ที่ผ่านไปแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน เช่นผมเห็นป้ายรถเมล์บางป้ายยังมีสาย 55 ผ่านอยู่เลยครับ ซึ่งได้เลิกไปแล้วตั้งแต่ผมจำความได้ รวมถึงเนื่องจากปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางรถเมล์เป็นรายวัน โดยเฉพาะรถร่วมบริการ จะเลิกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดังนั้นทางที่ดี ถ้าไม่แน่ใจ ควรจะถามเจ้าถิ่นแถว ๆ นั้นดีกว่าครับ หรือถามคนที่รอรถเมล์ด้วยกัน เพื่อจะได้ไม่รอเก้อ แต่ที่พิเศษ คือ ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ป้ายฝั่งดอกหญ้า จะมีพนักงานของ ขสมก. คอยอำนวยความสะดวก คือ จะพยายามบอกสายรถเมล์ที่จอดอยู่ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารควรที่จะดูดีนะครับ ๆ ว่าลำโพงอยู่ที่ไหน ควรยืนห่าง ๆ ไว้ มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อแก้วหูเป็นอย่างมาก
2. การสังเกตรถเมล์ (ที่เราจะขึ้น)การสังเกตลักษณะรถของรถเมล์ที่เราจะขึ้นนั้น เป็นสิ่งจะช่วยเราได้อย่างมากครับ แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นนักสำหรับคนที่สายตาดี แต่ก็จำเป็นมากสำหรับคนที่ตาไม่ค่อยดี โดยเฉพาะป้ายที่เป็น "ป้ายตาย" ดังที่ได้กล่าวไปแล้วครับ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเป็นสายอะไรก่อนที่รถเมล์จะวิ่งผ่านไปซะก่อน การสังเกตรถเมล์นั้น สามารถสังเกตได้จาก 2 สิ่งด้วยกัน ได้แก่
3. ศิลปะการบอกจุดหมายที่จะลงเนื่องจากรถประจำทางปรับอากาศนั้น ยังคงคิดค่าโดยสารตามระยะทาง ซึ่งแต่ละสาย แม้ว่าจะจากจุดเดียวกัน ไปยังจุดเดียวกัน แต่คนละสาย ราคารถอาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย หรือบางทีแค่เที่ยวไป กับเที่ยวกลับ อาจจะไม่เท่ากันก็ได้ แม้ว่าระยะทางจะเท่ากัน อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคิดมากเรื่องราคาที่แตกต่างกันนี้ เนื่องจากแตกต่างกันไม่มาก เสียเวลาคิดไปเปล่า ๆ ครับ สายไหนมา ก็ขึ้นไปเถิดครับ ประหยัดเวลา ดังนั้นจริง ๆ แล้ว สิ่งที่ต้องการแนะนำนี้ ไม่ใช่ศิลปะอะไรหรอกครับ ที่ต้องการแนะนำ ก็คงจะมีเพียงแค่ควรบอกสถานที่ที่รู้จักกันแพร่หลาย ไม่ควรบอกชื่อสถานที่ที่รู้จักกันเฉพาะแห่ง เนื่องจากถ้าบอกสถานที่ที่กระเป๋าไม่รู้จัก ท่านกระเป๋าอาจจะเก็บราคาแพงกว่าความเป็นจริงได้ เนื่องจากเข้าใจผิด
4. เทคนิคการหาที่นั่งบนรถเมล์การจะได้ที่นั่งบนรถเมล์นั้น จำเป็นต้องใช้ศิลปะเล็กน้อยครับ ซึ่งถ้าเราสามารถทราบถึงธรรมชาติของรถเมล์สายที่เราจะขึ้น เราก็จะสามารถที่จะขึ้นรถเมล์ก่อนคนอื่น ๆ ได้ครับ อาทิเช่นดังที่กล่าวในหัวข้อป้ายรถเมล์ ถ้าหากเรารอสาย ขสมก. ที่ได้ ISO เช่น สาย 29 ที่ต้น ๆ ป้าย ซึ่งไกลจากป้าย Bus Stop นั้น แม้เราจะไปถึงประตูก่อน ท่านพนักงานขับรถก็มักไม่เปิดให้ อาจจะทำให้เราต้องวิ่งตามรถเมล์ไป กลายเป็นขึ้นทีหลังคนอื่นเขาก็เป็นได้ หรือถ้าเรารอสายรถร่วม เช่นสาย 113 แต่ดันไปรอที่ Bus Stop พอดี อาจจะทำให้กว่าเราจะขึ้น คนอื่นก็ขึ้นตั้งแต่ที่ต้น ๆ ป้ายไปเสียแล้ว เป็นต้น เมื่อเราสามารถยัดเยียด เบียดเสียดขึ้นรถเมล์ได้แล้ว สิ่งที่ต้องการอันดับต่อไป ก็คือ การหาที่นั่ง ซึ่งบางคนอาจจะมักน้อย แค่ขึ้นมาได้ก็ดีถมไปแล้ว เรื่องที่นั่งนั้นเป็นเพียงความฝันด้วย ก็นับเป็นสิ่งที่ดีครับ ไม่ต้องเหนื่อยหาหนทาง เทคนิคหนึ่ง ในกรณีที่ออกไปทำงาน หรือไปเรียนหนังสือในเวลาที่ใกล้เคียงกันตลอดเวลา และขึ้นสายเดียวตลอด อาจจะทำให้คุ้นหน้าใครสักคนสองคน ไม่ว่าจะเป็นที่ป้ายรถเมล์ หรือบนรถเมล์ ดังนั้นควรที่จะสังเกตให้ดีว่าเขาลงรถที่ใด ถ้าเขาลงทีหลังเรา ก็ยืนห่าง ๆ เขาไว้ แต่ถ้าเขาลงก่อน ก็ให้ยืนใกล้ ๆ เขาไว้ จะสามารถเพิ่มโอกาสการได้ที่นั่งได้เป็นอย่างดีครับ วิธีอื่น ๆ ที่จะสามารถสังเกตว่าใครจะลงก่อนคุณ ซึ่งอาจจะง่ายกว่าวิธีแรกที่กล่าวไปแล้ว ได้แก่
ที่สำคัญที่สุด อยากจะขอเน้นย้ำนะครับ ว่า กรุณาเอื้อเฟื้อ เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือ คนชรา ด้วยนะครับ น้ำใจคนไทยครับผม
5. การลงจากรถเมล์เมื่อมีการขึ้นรถเมล์แล้ว คงจะต้องมีการลงรถเมล์ตามลงมาแน่นอนครับ คงจะไม่มีใครที่พิเรนทร์ขึ้นแล้วไม่ยอมลงนะครับ เมื่อจะลงจากรถเมล์ เราควรตั้งสมาธิ ดูว่ามีใครกำลังจะลง และฟังว่ามีใครกดออดแล้วหรือยัง ซึ่งถ้ามีคนที่กดออดแล้ว เราอาจจะใจเย็นได้ ค่อย ๆ ก้าวออกมาเมื่อใกล้ถึงป้าย แต่ถ้ายังไม่มี เราควรที่จะค่อย ๆ เดินมาทางลง กดออด 1 ครั้ง ขอย้ำนะครับว่าเพียง 1 ครั้ง และควรระวังให้ดีว่ายังไม่มีใครกด มิฉะนั้น ถ้าเกิดการกดมากกว่า 1 ครั้งขึ้นมา ท่านพนักงานขับรถอาจจะใจดี แถมให้อีก 1-2 ป้ายรถเมล์ ส่งเสริมให้ออกกำลังกาย ตามนโยบาลรัฐบาลจริง ๆ ครับผม แต่กรณีพิเศษ คือเมื่อคุณรู้สึกว่า พนักงานขับรถของคุณ กำลังนึกว่าอยู่ในสนามแข่งรถอยู่ แข่งกับคันอื่น เหยียบไม่มีเบรก คุณควรที่จะรีบมาที่ประตูโดยไว จับราวให้แน่น ๆ และกดออดทันทีเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้ลงป้ายที่ต้องการอย่างปลอดภัยครับผม
6. เคล็ดลับในการขึ้นรถเมล์ฟรีผมมั่นใจว่า ในหัวข้อทั้งหมด 6 หัวข้อ หัวข้อนี้จะสามารถดึงดูดใจได้มากที่สุด บางคนอาจจะข้ามมาอ่านหัวข้อนี้ก่อนเลย อย่างว่าครับ ของฟรี ใครจะไม่ชอบบ้าง อยากรู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ผมคิดว่าคงจะไม่มีใครชอบการแถมให้ 1-2 ป้าย (เลย 1-2 ป้าย) จากพนักงานขับรถนะครับ ทั้ง ๆ ที่ฟรีเหมือนกัน ก็น่าเห็นใจสำหรับคนที่จะขึ้นเพียง 1-2 ป้าย แล้วจำเป็นต้องซื้อตั๋วใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านกระเป๋าเขามาเก็บเงิน ผมคิดว่ายอมเถิดครับ อย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับท่านกระเป๋ารถเมล์เลยครับ มีแต่เสียกับเสีย ทั้งเสียเงิน และอาจจะเสียหน้า เมื่อได้รับคำสรรเสริญภาษาดอกไม้ ที่ได้ยินกันทั้งรถจากท่านกระเป๋าเขา แต่อาจจะลองพูดกับท่านกระเป๋าเขาดี ๆ ขอขึ้นสัก 1-2 ป้าย ยิ้มหวานให้สักนิด โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้หญิง และกระเป๋าเป็นชายหนุ่ม ท่านกระเป๋าคงจะไม่ว่าอะไรหรอกนะครับ จริง ๆ ก็มีเทคนิคมากมายครับ ในการขึ้นรถเมล์ฟรี ซึ่งผมทราบมาจากการสังเกตเพื่อนบางคน และผู้โดยสารบางคน แต่ผมคิดว่าแค่ไม่กี่บาท น่าจะยอมเสียให้เขาเถอะครับ เนื่องจากเห็นเขาบ่นว่าขาดทุนอยู่ตลอดเลย (ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าขาดทุนได้อย่างไร) เดี๋ยวเขาจะยุบ ขสมก. เสีย จะไม่มีรถเมล์ดี ๆ ขึ้นกันครับผม
สุดท้ายนี้ ขอพระเจ้าอวยพระพรทุก ๆ ท่านที่อ่านบทความนี้ ให้ขึ้นรถเมล์ ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ และทันเวลา นะครับ ถ้ามีข้อแนะนำใด ๆ ก็ยินดีรับฟังนะครับ กรุณาส่งมาที่ ton@followhissteps.com นะครับผม
พระเจ้าอวยพรครับผม โดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์
|
ปรับปรุงครั้งล่าสุด 15/06/2010 ได้รับการสนับสนุน Web Hosting จาก SPAComputer.com, ThaWang.com |